การผลิต
창업한 지 38년, 몽벨이 취급하고 있는 상품은 이미 수천 종류가 충분히 넘었습니다. 그러나 더 만들고 싶은 것이 있다고 다츠노 씨는 말합니다. 「예를 들어, 지난 번에 감명받은 것이 있는데, 그건 발전(発電)할 수 장작 스토브. 이러한 것은 우리의 생활을 바꿔줄 가능성이 있다. 또한 이미 아웃도어라는 장르를 넘어버렸지만 이 나라 사람들이 조금이라도 『행복』해질 수 있는 것을 만들고 싶다. 그 가치를 공유할 수 있는 동료가 지금은 40만명이다. 앞으로 100만명, 200만명이 되었을 때 무언가가 달라져 있을 지도 모른다, 라는 기대를 몰래 해봅니다.」
앞으로는 다른 아시아 국가에서도 『자연』에 대한 의식이 높아질 것이고, 그 때를 위해서라도 일본의 자연과 공생하는 우리의 스타일이 모범이 되었으면 한다는 다츠노 씨. 앞으로도 몽벨의 제조는 더욱 널리 확산되어 갈 것 같습니다.
อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และสวยงามบางครั้งก็อาจโหดร้ายกับมนุษย์อย่างพวกเรา ในเวลาเช่นนี้สิ่งที่จะรักษาชีวิต หรือทำให้เราคลายเครียดได้บ้างก็คือ ชุดและอุปกรณ์สำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้ง จากความเกี่ยวพันกับชีวิต สิ่งเหล่านี้จึงต้องมีประสิทธิภาพสูงกว่าเสื้อผ้าที่เราใช้ใส่ในเมือง ต้องทนลมฝนและความหนาวเหน็บได้ ขณะเดียวกันก็ต้องเบา กะทัดรัด และหากเป็นไปได้ก็ควรสวมใส่สบายกว่าเสื้อผ้าปกติ เพื่อผสมผสานเงื่อนไขที่ขัดแย้งกันเหล่านี้อย่างลงตัว ผู้ผลิตแต่ละรายต่างพยายามคิดค้นวัสดุใหม่ๆ ตลอดจนพัฒนาเรื่องการออกแบบตัดเย็บอยู่ตลอดเวลา ด้วยความงามอย่างมีประสิทธิภาพอันเป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้ในปัจจุบันเสื้อผ้าเอาท์ดอร์ได้กลายเป็นแฟชั่นประเภทหนึ่งไปอย่างเต็มตัว
แต่ในเมื่อกีฬากลางแจ้งส่วนใหญ่ถือกำเนิดในยุโรป ดังนั้นแบรนด์ต่างประเทศก็ย่อมดีกว่าแน่ๆ จริงหรือ? ไม่เลย เราคงพูดแบบนั้นไม่ได้เสมอไป เพราะในความเป็นจริง มีบริษัทที่คนญี่ปุ่นสามารถอวดชาวโลกได้อยู่ในโอซาก้านี่เอง นั่นก็คือ MontBell หนึ่งในแบรนด์ดังของโลกที่มีสินค้าสำหรับกีฬากลางแจ้งครบครัน ตั้งแต่การปีนเขา, ตั้งแคมป์, พายเรือแคนู, ตกปลา, ขี่จักรยาน เป็นต้น
จากมุมมองของนักปีนเขาการผลิตสินค้าของ Montbell
Montbell แบรนด์สินค้าเอาท์ดอร์ชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขต Nishi เมืองโอซาก้้า Montbell ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาแฟนกิจกรรมกลางแจ้งจำนวนมากมาเป็นเวลานาน ในฐานะเป็นแบรนด์ที่นำเสนอสินค้าซึ่งมีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และสามารถนำไปใช้ได้จริงในราคาที่เป็นมิตรกับลูกค้า โดยผลิตจากมุมมองที่รู้ลึก รู้จริงเรื่องกิจกรรมกลางแจ้ง ตัวผลิตภัณฑ์เองยังได้รับความนิยมอย่างสูงในต่างประเทศ จนกระทั่งในปัจจุบัน ได้เติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น อเมริกา, สวิสเซอร์แลนด,์ ตลอดจนเกาหลี, จีน, ไต้หวัน, สิงคโปร์, และประเทศอื่นๆด้วย
สำหรับคนที่ยังไม่เคยเห็นสินค้าของ Montbell เราขอแนะนำให้ลองไปเยี่ยมชมร้านซึ่งมีอยู่ 77 สาขาทั่วประเทศ (เมื่อมีนาคม 2013) สักครั้ง แล้วคุณจะต้องตะลึงในความหลากหลายของชนิด และจำนวนของสินค้าที่เรียงรายแน่นขนัดอยู่ในร้าน สินค้ามีทั้งอุปกรณ์สำหรับ "เล่นสนุก" กลางแจ้ง เช่น เสื้อและกางเกงที่เหมาะสำหรับกิจกรรมและสภาพอากาศที่หลากหลาย, รองเท้า, กระเป๋าเป้, เต็นท์, อุปกรณ์สำหรับทำอาหาร แค่ลองหยิบจับขึ้นมาแล้วจินตนาการถึงวิธีใช้ดู คุณก็น่าจะตื่นเต้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาแน่นอน
ว่าแต่สินค้ามากมายเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร เราได้ไปสอบถามเรื่องราวจากท่านประธาน Tatsuno Isamu ผู้ก่อตั้ง Montbell ซึ่งเป็นทั้งนักปีนเขา และนักผจญภัยชื่อดังอีกด้วย
จากภูเขา Kongo ถึงหน้าผาด้านทิศเหนือของภูเขา Eiger จุดเริ่มต้นของการผลิต
คุณ Tatsuno เกิดในครอบครัวคนทำข้าวปั้นซูชิ ในเมือง Sakai จังหวัดโอซาก้า ก้าวแรกของการเป็นนักปีนเขาและนักผจญภัยในเวลาต่อมา เริ่มต้นจากภูเขา Kongo ที่คุณ Tatsuno ชอบไปบ่อยๆ ครั้งยังเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมต้น สมัยนั้นภูเขา Kongo ต่างจากปัจจุบันค่อนข้างมาก คือ เป็นสถานที่ที่แทบไม่มีสิ่งประดิษฐ์จากน้ำมือมนุษย์ เช่น กระเช้าขึ้นเขาอยู่เลย คุณ Tatsuno เล่าว่า สิ่งที่ยังประทับใจจวบจนปัจจุบันคือ การได้พาเพื่อนๆ ในละแวกบ้านใกล้เคียงไปกางเต็นท์ ตั้งแคมป์ริมหนองน้ำในหุบเขา และหุงข้าวกินในกล่องอลูมิเนียมที่ใช้เป็นปิ่นโตในตัว
คุณ Tatsuno บอกว่าตัวเองเป็นคนประเภท "สนุกกับการเดินไปตามบริเวณที่ยังไม่มีถนน และชอบ "บุกเบิกเส้นทางด้วยตัวเอง" มากกว่าเดินตามหลังใครมาตั้งแต่สมัยนั้น" แน่นอนว่าคุณ Tatsuno ไม่มีเงินในการเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม เวลาเดินเขาทีก็จะ "เอาไปแต่ถุงนอนที่ทำจากผ้าห่มเย็บเป็นรูปถุง อะไรที่ไม่มีก็ประยุกต์ขึ้นมาเองด้วยวิธีต่างๆ" อาจกล่าวได้ว่า ประสบการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว คือ จุดเริ่มต้นของการผลิตสิ่งของในวันข้างหน้าของคุณ Tatsuno
คุณ Tatsuno เริ่มมุ่งมั่นที่จะเอาดีทางด้านการปีนเขาอย่างจริงจังตอนอายุได้แค่ 16 ปี สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย เมื่อได้อ่านหนังสือเรื่อง "แมงมุมสีขาว" ซึ่งเป็นบันทึกความสำเร็จของ Heinrich Harrer นักปีนเขาชาวออสเตรีย ผู้พิชิตหน้าผาด้านทิศเหนือของภูเขา Eiger ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้เป็นครั้งแรกของโลก ภูเขา Eiger นั้นขึ้นชื่อในด้านความยากของเส้นทางการปีน พออ่านจบคุณ Tatsuno ซึ่งคิดว่า "ฉันอยากปีนเขาลูกนี้เหมือนกัน" จึงได้เริ่มฝึกฝนเทคนิคการปีนเขา หลังจากนั้นเพียง 6 ปี หรือในปี 1969 คุณ Tatsuno ก็กลายเป็นคนญี่ปุ่นคนที่ 2 ที่พิชิตหน้าผาด้านทิศเหนือของภูเขา Eiger ได้สำเร็จด้วยวัยเพียง 21 ปี ซึ่งตอนนั้นนับเป็นคนอายุน้อยที่สุดในโลกที่ทำได้ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวย่อมได้แก่ ตัวคุณ Tatsuno ซึ่งประยุกต์สิ่งต่างๆ มาทำเป็นอุปกรณ์ปีนเขาเองนั่นเอง
คุณ Tatsuno เล่าว่า "ผมได้รวบรวมอุปกรณ์ปีนเขาที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นจากยุโรป แต่ก็ยังไม่มีวัสดุที่มีคุณสมบัติกันน้ำและระบายความชื้นได้ในเวลาเดียวกัน (*1) แบบ Gore-Tex ในปัจจุบัน ตอนปีนเขาผมจึงใส่เสื้อกันลม (Windbreaker) ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้านน้ำได้ (*2) สองชั้น ซึ่งจะทำให้ข้างในเสื้อไม่อบ เพราะระบายอากาศได้ และหากเสื้อตัวนอกเปียกก็ยังมีอีกชั้นหนึ่งอยู่ข้างใต้นั้น เมื่อใส่ไปหนึ่งวัน ถ้าความสามารถในการสะท้านน้ำลดลง ก็เอาตัวในมาใส่ไว้ข้างนอกแทนก็สิ้นเรื่อง (หัวเราะ)" ขณะเดียวกันคุณ Tatsuno ให้ความสำคัญกับการลดน้ำหนักของอุปกรณ์อีกด้วย ความตั้งใจในการพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นตลอดเวลานี้เอง ที่นำไปสู่การผลิตสินค้าของ Montbell ในเวลาต่อมา
*1 วัสดุที่ไม่ระบายน้ำแต่ระบายไอน้ำ กล่าวคือ สามารถป้องกันน้ำฝนจากภายนอก แต่จะทำให้เหงื่อที่ขับออกจากร่างกายระเหยเป็นไอน้ำแล้วระบายออกไป จึงทำให้ด้านในแห้งอยู่ตลอดเวลา ใช้สำหรับทำอุปกรณ์กันฝนและเสื้อชั้นนอกในหน้าหนาว ในการเดินเขานั้น หากเสื้อเปียก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเพราะความหนาว ดังนั้นการระวังอย่าให้เปียกให้ได้มากที่สุด จึงสำคัญมาก
*2 คุณสมบัติสะท้านน้ำที่เกาะอยู่บนผิวเนื้อผ้าออกไป แต่ไม่ใช่การกันน้ำ
จักรเย็บผ้าคันแรกเมื่อก่อตั้งบริษัท : ปัจจุบันยังคงเก็บรักษาไว้ที่โชว์รูมของร้าน Montbell สำนักงานใหญ่
*: ในเวลาต่อมา Montbell ได้ผลิตหมวกนิรภัยสำหรับปีนเขาแบบเบาที่สุด โดยใช้เส้นใย Kevlar ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก และยังได้ผลิตถุงมือด้วยเส้นใย Nomex ด้วย
ผลิตสิ่งที่จำเป็น หลักการในการผลิตสินค้าของ Montbell
คุณ Tatsuno กล่าวว่า "หลักการในการผลิตสินค้าของเราจะต้องเริ่มต้นจาก "อะไรคือสิ่งจำเป็น ไม่ใช่อะไรขายได้" เสมอ "ยกตัวอย่างเช่น เครื่องชาร์ตแบตด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่เคยวางจำหน่ายก่อนหน้านี ้ก็เกิดจากประสบการณ์ตอนที่คุณ Tatsuno เดือดร้อนที่ทิเบตและเนปาล เลยทำให้คิดว่าต้องมีคนเดือดร้อนแบบเดียวกับตัวเองแน่ๆ และต่อให้มันอาจขายได้ปีละไม่ถึง 100 เครื่อง ทั้งที่ปริมาณการผลิตขั้นต่ำสุดคือล็อตละ 2,000 เครื่อง จึงอาจใช้เวลา 20 ปีกว่าจะขายหมด "แต่การที่สามารถผลิตได้นั่นแหละ คือความสนุกที่แท้จริงของผู้ผลิต คุณค่าของสินค้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดขาย แต่ขึ้นอยู่กับการที่มีคนที่ได้ประโยชน์จากการสร้างสิ่งนั้นๆขึ้นมา นั่นแหละคือพื้นฐานของการผลิต"
ท่าทีดังกล่าวยังไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่คุณ Tatsuno ก่อตั้งบริษัท Montbell ขึ้นมาตามลำพังจนถึงปัจจุบัน การประชุมแผนงานซึ่งจัดขึ้นปีละหลายครั้งนั้น ไม่เพียงเฉพาะคนของแผนกแผนงาน แต่พนักงานทุกแผนกสามารถเข้าร่วมได้ถ้าต้องการ นั่นเพราะพนักงานแทบทุกคนของ Montbell เป็นผู้รักกิจกรรมกลางแจ้ง และมี "สิ่งที่อยากได้" อยู่ในใจ ซึ่งในความเป็นจริง มีสินค้ายอดนิยมอันเกิดขึ้นจากความอยากได้ของพนักงานอยู่มากทีเดียว ถ้าได้ดูแคตตาล็อกของ Montbell ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดหลากหลาย คุณคงจะสามารถจินตนาการถึงวิถีในการทำงานอันเปี่ยมด้วยเสรีภาพของบริษัทได้โดยง่าย
นอกจากนี้ ในบรรดาสินค้าทั้งหลายของ Montbell สิ่งหนึ่งที่แปลกไม่ซ้ำใครคือ "ชุดชงชากลางแจ้ง" อันเกิดจากความขี้เล่นของคุณ Tatsuno "ผมดันสร้างห้องชงชาขึ้นในบ้าน แล้วก็เลยคิดว่าสงสัยต้องหัดชงชาแล้วล่ะ (หัวเราะ)" คุณ Tatsuno จึงคิดต่อไปว่า ถ้าสามารถชงชาในภูเขาได้ก็น่าจะดี จึงเกิดไอเดียผลิตชุดชงชาแบบพกพาขนาดกะทัดรัดขึ้น
อยากแบ่งปันความสนุกของธรรมชาติ
คุณ Tatsuno ยังกล่าวว่า งานของเขาไม่ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แค่เมื่อลูกค้าซื้อสินค้า "สุดท้ายแล้ว เราก็อยากร่วมสนุกกับผู้คนที่รักธรรมชาติ" แต่เดิมคุณ Tatsuno ฝันอยากเป็นไกด์นำทางการเดินเขา และเคยสร้างโรงเรียนสอนปีนเขาแห่งแรกของญี่ปุ่นในปี 1970 "ผมอยากพาลูกค้าเดินเขาไปเรื่อยๆข้ามสันเขา สีหน้าของลูกค้าเมื่อได้เห็นทัศนียภาพที่แผ่กว้างเบื้องหน้า..นี่แหละคือความสุขสุดยอดของคนนำทางที่แท้จริง
คุณ Tatsuno มองว่า พนักงานก็คงอยากทำเรื่องสนุกแบบเดียวกัน จึงตั้งแผนกกิจกรรมกลางแจ้งชื่อ Montbell Outdoor Challenge ขึ้น ปัจจุบันในร้าน Montbell จะมีการจัดทัวร์ไปยังที่ซึ่งพนักงานแต่ละคนอยากพาลูกค้าไป และวางแผนด้วยตัวเองตลอดเวลา "มองในแง่การบริหารธุรกิจแล้ว ผมว่าไม่ทำจะดีกว่า แต่ความรู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่างนั้นเป็นสิ่งสำคัญ" แม้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทที่มีพนักงานถึง 1,200 คน แต่จนทุกวันนี้ คุณ Tatsuno ก็ยังทำหน้าที่เป็นไกด์เองปีละ 5 - 6 ครั้ง ทัวร์ของคุณ Tatsuno นั้น มีคนไปแล้วอยากไปอีกมากมาย พอเปิดรับสมัครทีไรก็มักเต็มทันทีเสมอ
มีคนสนับสนุนท่าทีและแนวคิดเช่นนี้ของ Montbell เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสมาชิกของ "Montbell Club" มีเกือบถึง 400,000 คนแล้ว (เมื่อมีนาคม 2013) "ค่าสมาชิกของ Montbell Club ตกปีละ 1,500 เยน แต่เราก็มี "เพื่อน" ที่อุตส่าห์ชำระค่าสมาชิกให้ถึง 4 แสนคน นี่เป็นเรื่องที่สุดยอดมาก พวกเราตระหนักว่า ในมุมหนึ่ง นี่เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าคะแนนเสียง 1 คะแนน ที่นักการเมืองได้จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเสียอีก" ส่วนหนึ่งของเงินค่าสมาชิกจะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและกีฬาผู้พิการ และเมื่อเร็วๆนี้ ยังได้นำไปช่วยเหลือกิจกรรมทางสังคม อันเป็นเป้าหมายในการก่อตั้งอย่าง การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวทางภาคตะวันออกของญี่ปุ่นอีกด้วย
การผลิตยังดำเนินต่อไป
นับแต่ก่อตั้งกิจการมาเป็นเวลา 38 ปี สินค้า Montbell มีจำนวนเกินหลายพันชนิด แต่คุณ Tatsuno บอกว่า จนทุกวันนี้ก็ยังมีสิ่งที่อยากผลิต "ยกตัวอย่างเช่น เมื่อวันก่อนผมประทับใจเครื่องทำความร้อนด้วยฟืน ที่สามารถให้กำเนิดพลังไฟฟ้าได้มาก มีความเป็นไปได้ที่สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเรา นี่เป็นอะไรที่ไปไกลกว่าเรื่องของกิจกรรมกลางแจ้งแล้ว แต่ผมก็อยากคิดถึงการผลิตสิ่งของที่ทำให้คนในประเทศนี้ "มีความสุข" ตอนนี้ผมมีเพื่อนที่มีความคิดแบบเดียวกันอยู่ 400,000 คน ผมแอบคาดหวังว่าถ้ามีถึง 1 ล้าน - 2 ล้านคน อะไรบางอย่างอาจเปลี่ยนไปก็ได้
คุณ Tatsuno กล่าวว่า นับจากนี้ไป บรรดาประเทศในแถบเอเชียคงจะตื่นตัวเรื่อง "ธรรมชาติ" กันมากขึ้น และเขาอยากให้ธรรมชาติของญี่ปุ่น รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นได้กลายเป็นแบบอย่างที่ดี คาดว่าการผลิตสินค้าของ Montbell จะยังขยายวงกว้างออกไปอีกแน่