Loading...
เมนู
OSAKA INFOToppage
เกี่ยวกับโอซาก้า
ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับโอซาก้า
กีฬาในโอซาก้า
วัฒนธรรมป๊อปในโอซาก้า
เหตุการณ์
กำหนดการเดินทาง
สำหรับนักเดินทางมือใหม่
เพลิดเพลินกับสถาปัตยกรรม・ศิลปะ
สำรวจประวัติศาสตร์!
เพลิดเพลินกับธรรมชาติและภูมิทัศน์
ท่องเที่ยวด้วยรถไฟ
สถานที่ท่องเที่ยวและประสบการณ์
กีฬาและสันทนาการ
นักกินและดื่ม
ประสบการณ์ตรง
ช้อปปิ้ง
ธรรมชาติ
ศิลปะ
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ประสบการณ์ตามฤดูกาลและสถานที่ท่องเที่ยว
จุดเด่น
PICK UP
การผลิตในโอซาก้า
จุดแนะนำ
ค้นพบ!
ข้อมูล
คำถามที่พบบ่อย
หนังสือเดินทาง
ข้อมูลท่องเที่ยว
ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว
โรงแรม
เข้าไป
แผนที่พื้นที่และดาวน์โหลดคู่มือ

เกี่ยวกับโอซาก้า

เมืองที่มีประวัติศาสตร์กว่า 1,400 ปี

ตั้งแต่โบราณโอซาก้าคือ เมืองที่เป็นแหล่งรวมของผู้คน เพราะตั้งอยู่ในเส้นทางจราจรที่คับคั่งทั้งทางน้ำและทางทะเล จึงได้พัฒนาเป็นแหล่งธุรกิจซึ่งเป็นประตูสู่ญี่ปุ่นของพ่อค้า และนักเดินทางจากทั่วเอเชียแต่โบราณ ก่อนที่จะมีรถไฟหรือรถยนต์วิ่ง

ต้นกำเนิดของโอซาก้าย้อนกลับไปศตวรรษที่ 5

ในศตวรรษที่ 5 โอซาก้ารุ่งเรืองจาการเป็นศูนย์กลางการปกครองและการค้า โดยมี Naniwazu ปัจจุบันคือ เขต Chuo เมืองโอซาก้า เป็นท่าเรือในสมัยนั้น ซึ่งนับเป็นประตูเข้าจากเกาหลี, จีน และชาติต่างๆในเอเชีย ผู้ที่เดินทางเข้ามาในโอซาก้า ได้นำเอาข่าวสารและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง งานหัตถกรรม, เทคโนโลยีการทำเครื่องเคลือบ, เทคโนโลยีการตีโลหะ และอื่นๆ เข้ามาพร้อมกันด้วย อีกทั้งพุทธศาสนาที่ยังไม่มีในญี่ปุ่นในช่วงเวลานั้น ก็เริ่มเผยแพร่เข้ามาในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน ข้อมูลและเทคโนโลยีเหล่านี้ได้แผ่ขยายไปยังบริเวณอื่นๆของญี่ปุ่นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

เมื่อพุทธศาสนาเผยแพร่ในญี่ปุ่น เจ้าชาย Shotoku ได้สร้างวัด Shitennoji ขึ้นในปี 593 ในเวลาเดียวกันนั้น โอซาก้าก็พัฒนาเป็นเมืองนานาชาติที่มีการแลกเปลี่ยนกับประเทศในเอเชีย ในปี 645 จักรพรรดิ์ Kotoku ย้ายเมืองหลวงจากนารามาที่โอซาก้า และสร้างปราสาท Naniwanomiya ซึ่งปัจจุบันคือ สวนสาธารณะ Naniwanomiyaato ที่หลงเหลือไว้เพื่อการศึกษา โดยที่นี่เป็นพระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็มีการย้ายเมืองหลวงอีกหลายครั้ง ตั้งแต่ Nagaoka-kyo (เกียวโต), ตามด้วย Heijo-kyo (นารา), แล้วก็ Heian-kyo (เกียวโต), จากนั้นคือ Kamakura, และท้ายที่สุด Edo (โตเกียว) แม้ว่าเมืองหลวงจะย้ายไปแล้วแต่โอซาก้าก็ยังคงพัฒนาเป็นเมืองหลวงอันดับ2 และในฐานะที่เป็นประตูติดต่อกับแต่ละประเทศในเอเชีย จึงเป็นจุดสำคัญของทั้งการค้าขายและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

เมืองรอบปราสาทของ Hideyoshi

ปี 794 เมืองหลวงย้ายไปที่ Heian-kyo (เกียวโต) ยุคที่เริ่มนับต่อจากนี้ จึงถูกเรียกว่ายุค Heian มีการสร้างวัดในเกียวโตและโอซาก้ามากมาย งานด้านหัตถกรรมและศิลปะ รวมทั้งงานเขียนของผู้หญิง อย่าง "The Tale of Genji" ของ Murasaki Shikibu ก็เจริญรุ่งเรือง แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี 1,100 เริ่มมีการเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มตระกูล Taira ที่คุมอำนาจในขณะนั้น โดยตระกูล Minamoto นั้นทำได้สำเร็จและมีอำนาจขึ้นมาจัดตั้งเป็นรัฐบาล Kamakura หลังจากนั้นก็เกิดสงครามมากยิ่งขึ้นจนในที่สุดก็เข้ายุคสงครามภายใน Sengoku

ช่วงศตวรรษที่ 14 โอซาก้าเสียหายเป็นวงกว้างจากสงคราม ในปี 1496 พระชั้นสูง Rennyo ได้เริ่มให้มีการก่อสร้าง Ishiyama Gobo บนที่ราบสูง Uemachi Daichi ในโอซาก้า เพื่อเป็นที่พำนักของพระ ภายหลังที่นี่ถูกเรียกว่าวัด Ishiyama Hongan-ji และเป็นป้อมปราการหน้าด่านเพื่อกันสงครามไม่ให้เข้ามา

ในครึ่งหลังของช่วง Muromachi (ปี 1336-1573) Oda Nobunaga ที่มีกำลังทหารเข้มแข็ง ได้เริ่มโจมตีที่ราบสูง Uemachi Daichi ของโอซาก้า โดยที่ Uemachi Daichi นั้น เป็นที่ที่สามารถมองเห็นโอซาก้าได้ทั้งหมด อีกทั้ง Uemachi Daichi ยังอยู่ใกล้อ่าวโอซาก้า มีชัยภูมิที่ยากต่อการเข้าโจมตี และอยู่ระหว่างแม่น้ำ Yamatogawa กับแม่น้ำ Yodogawa ซึ่งในสมัยนั้นใช้การขนส่งสินค้าทางน้ำเป็นหลัก มีเรือพ่อค้าจากทะเล Seito มากมาย ทำให้สามารถควบคุมเศรษฐกิจและอื่นๆได้ Oda Nobunaga เชื่อว่า ถึงแม้ที่นี่จะโจมตีได้ยาก แต่ถ้าทำได้ก็จะได้ครองโอซาก้า และทั้งญี่ปุ่น และยังสามารถต่อยอดไปนอกญี่ปุ่นได้

Oda Nobunaga โจมตีวัด Ishiyama Hongan-ji นานอยู่ 10 ปี ในที่สุดวัด Ishiyama Hongan-ji ก็ถูกเผาเกือบหมด และโอซาก้าก็ตกอยู่ในการครอบครองของ Oda Nobunaga หลังจากนั้น Toyotomi Hideyoshi ผู้สืบทอดต่อจาก Nobunaga ก็ใช้โอซาก้าเป็นฐานในการปกครองญี่ปุ่น โดยในช่วง Atsuchi Momoyama (ปี 1574-1600) มีการสร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นในปี 1583 มีการก่อสร้างคูขนาดใหญ่รอบปราสาท, ขยายแม่น้ำ และพัฒนาการจราจรขนส่งให้เชื่อมกับทะเล แต่ในปี 1614 มีการปิดล้อมปราสาทโอซาก้าช่วงหน้าหนาว ปี 1615 มีการปิดล้อมปราสาทโอซาก้าช่วงหน้าร้อน ปราสาทโอซาก้าและเมืองรอบปราสาทของโอซาก้าก็ถูกเผาทำลาย พร้อมกับการล่มสลายของตระกูล

ศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

เมื่อตระกูล Tokugawa ได้ครองอำนาจ ศูนย์กลางบริหารจึงถูกย้ายไป Edo (ปัจจุบัน คือ โตเกียว) ญี่ปุ่นก็เข้าสู่ช่วงปิดประเทศ ส่วนเมืองโอซาก้าก็ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยกำลังใจของชาวโอซาก้า และได้เป็นแหล่งเศรษฐกิจอีกครั้ง ในช่วงนี้ แม้โอซาก้าจะห่างจาก Edo แต่ก็ถูกเรียกว่าเป็น "ครัวของประเทศ" ด้วยเหตุผลที่ว่าที่โอซาก้าเป็นที่ซื้อขายสินค้าสำคัญที่รวมถึงอาหารและข้าว และข้าวของโอซาก้าก็ส่งไปทั่วประเทศ และสินค้าต่างๆถูกส่งออกไปต่างประเทศจากที่นี่อีกด้วย

ด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนี้ โอซาก้าจึงมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีศิลปะที่คนทั่วไปนิยมซึ่งแยกมาจากวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น การแสดงละครหุ่นที่เรียกว่า Joruri (ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของ Bunraku), โรงละคร Noh, และ Kabuki ในแบบโอซาก้าเอง นอกจากนี้ โอซาก้ายังเป็นแหล่งการศึกษาด้วย โดยสถานศึกษาที่ตั้งในโอซาก้าได้ผลิตบุคลากรการศึกษาออกมามากมาย โดยบุคคลเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากในญี่ปุ่นสมัยนั้น Tekijuku ที่เป็นหนึ่งในโรงเรียนเหล่านั้น ก่อตั้งขึ้นเพื่อศึกษาวิทยาศาสตร์และการแพทย์จากตะวันตก ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นเริ่มออกจากการปิดประเทศ บรรดานักเรียนของ Tekijuku ได้มีส่วนในการช่วยเปิดประเทศ และเป็นสมาชิกในการปฏิรูปรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งในภายหลัง ที่นี่จะเป็นต้นกำเนิดของ มหาวิทยาลัยโอซาก้า

แมนเชสเตอร์ของตะวันออก

ยุคฟื้นฟูเมจิ (1868) เป็นช่วงที่มีการปฏิรูปที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โตเกียวได้เติบโตเป็นเมืองด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โอซาก้าในฐานะจุดเศรษฐกิจจึงซบเซาลง ดังนั้นโอซาก้าจึงพยายามที่จะเป็นแหล่งผลิตแทน และทำให้มีการปล่อยเขม่าควันจากเขตอุตสหกรรม จนเมื่อจบศตวรรษที่ 19 โอซาก้าถูกล้อว่าเป็น "เมืองควัน" และอีกชื่อก็คือ "แมนเชสเตอร์ของตะวันออก"

ในปี 1889 เทศบาลโอซาก้าได้เปลี่ยนเป็นเมืองโอซาก้า ในปี 1903 เขต Tennoji ได้เป็นพื้นที่จัดงานแสดงอุตสาหกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ซึ่งรวบรวมเทคโนโลยีการผลิตและสินค้าคุณภาพสูง กลายเป็นที่ดึงดูดเหล่าพวกคนชั้นสูงในโลกอุตสหกรรม หรือผู้ที่ต้องการเทคโนโลยีทันสมัย ในปีเดียวกัน รถไฟเทศบาลสาธารณะแห่งแรกในญี่ปุ่นก็เริ่มที่โอซาก้า และในปี 1925 โอซาก้าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นในแง่ประชากร และใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก

การทำลายล้างและฟื้นฟูช่วงสงคราม

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพสหรัฐได้ทิ้งระเบิดทำลายโอซาก้าไป 1 ใน 3 ส่วน โดยมีเป้าหมายคือ เป็นย่านการค้า และย่านอุตสาหกรรม แต่ด้วยแผนฟื้นฟูหลังสงคราม และแนวคิดที่มุ่งไปข้างหน้าของชาวโอซาก้า ทำให้เมืองกลับมามีชีวิตชีวาเหมือนช่วงก่อนสงคราม ซึ่งในปัจจุบันโอซาก้าก็เป็นจุดที่เหล่านักธุรกิจ และบริษัทดำเนินกิจกรรมต่างๆรวมตัวอยู่ โดยบริษัทและนักธุรกิจเหล่านี้ ก็ได้ทำให้เศรษฐกิจของโอซาก้าเติบโต จนกลายเป็นเมืองศูนย์กลางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น

ปี 1970 โอซาก้าถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานแสดงนิทรรศการนานาชาติครั้งแรกในเอเชีย หลังจากนั้นโอซาก้าก็มีงานต่างๆจัดที่นี่มากมายทั้ง งานแสดงนิทรรศการนานาชาติ, งานประชุมนานาชาติ, งานนิทรรศการ, งานพบปะนานาชาติ ในปี 1995 ที่นี่ก็เป็นที่จัดงานประชุมสุดยอด APEC ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับมากมาย ทั้งศูนย์ประชุมนานาชาติโอซาก้า ที่รองรับแขกได้มากมาย, โรงแรมชั้นเลิศ, อาหารอร่อย, วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์, และสิ่งเพื่อความบันเทิง และพักผ่อนที่หลากหลาย ที่มารวมกันที่นี่ เมืองโอซาก้ายังคงเป็นเมืองที่มีบทบาทของเอเชียและโลกในปัจจุบัน

Back
Back